ระบบปรับอากาศ
อากาศร้อนระอุ อุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงถึง 40 องศา สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือ “แอร์รถยนต์” เพราะหากหากแอร์รถยนต์เกิดเสียหรือไม่เย็นในสภาพอากาศแบบนี้คงจะแย่ไม่น้อย และการเปิดกระจกขับรถอาจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะนอกจะร้อนมากๆแล้วจะทำให้สูดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ รวมถึง ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย วันนี้ G.P.Auto Parts จึงพามาดูวิธีดูแลแอร์รถยนต์ กันครับ
7 วิธีดูแลแอร์รถยนต์
1.ก่อนเราสตาร์ทเครื่องยนต์ เราควรจะปิดสวิซแอร์ทุกครั้ง เพราะจะช่วยไม่ให้คอมเพรซเซอร์ ทำงานในทันที ควรให้เครื่องได้วอร์มซักพักแล้วค่อยเปิดแอร์
2.หากสตาร์ทรถในตอนเช้า เราควรเปิดสวิตซ์พัดลมก่อน โดยปิดปุ่ม A/C ไว้ ให้ลมไล่ความชื้นในตู้แอร์ ซักพักจึงเปิดปุ่ม A/C จะช่วยลดกลิ่นอับในตู้แอร์ และช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้แอร์ด้วย
3.ไม่ควรตั้งอุณหภูมิที่เย็นเกินไป เพราะจะทำให้คอมเพรชเชอร์ทำงานหนัก ควรปรับอุณหภูมิที่กำลังพอดี
4.เมื่อนำรถจอดตากแดดเป็นเวลานานๆก่อนใช้รถควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุดโดยปิดสวิตช์ A/C เพื่อไล่ความร้อนที่มีอยู่ในระบบแอร์ออกเสียก่อนแล้วจึงค่อยเปิดสวิตช์ A/C
5.ไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อยเพราะจะทำให้ฝุ่นละอองจากภายนอกเข้ามาอุดตันในตู้แอร์ได้เร็วยิ่งขึ้น
6.ก่อนถึงจุดหมายปลายทางเราควร ปิดสวิตซ์ A/C ก่อน เปิดแค่พัดลมอย่างเดียว เพราะในตู้แอร์ยังมีความเย็นอยู่ จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรชเชอร์ และช่วยไล่นในตู้แอร์ได้อีกด้วย
7.หากแอร์มีความเย็นน้อยลง หรือ ไม่เย็นแล้ว ควรให้ช่างผู้ชำนาญรีบตรวจเช็คหารอยรั่ว เพราะแอร์จะเป็นน้ำยาระบบหมุนเวียน ถ้าแอร์ไม่เย็นอาจจะเกิดจากมีรอยรั่วซึม
การบำรุงรักษา
- ตรวจเช็กระบบแอร์ทุกๆ 3 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร
- เติมน้ำยาแอร์ให้ถูกต้อง และเติมให้อยู่ในระดับที่กำหนด
- เช็กและความสะอาดแผงกรองแอร์เพื่อกำจัดฝุ่นที่เกาะหรืออุดตันอยู่
- เช็กสายพานคอมแอร์ว่าแตก หัก หรือฉีกขาดหรือไม่
- ล้างตู้แอร์ทุกๆ 2 ปี